ถึงแม้ว่ายุคนี้เป็นยุคที่โซเชียลมีเดียเฟื่องฟูมากๆ แบรนด์ส่วนใหญ่แบ่งงบส่วนหนึ่งมาลงในเพลตฟอร์มเหล่านี้ ซึ่งเมื่อก่อนผลตอบรับค่อนข้างดีมากๆ แต่มาตอนนี้ค่ายิงแอดแพงขึ้นทุกวัน บวกกับเพลตฟอร์มพยายามลดการมองเห็น ต่อให้เราพยายามทำหลายๆ โซเชียลมีเดียเพื่อกระจายความเสี่ยง มันก็ไม่ใช่บ้านของเราอยู่ดี
เมื่อก่อนการทำเว็บไซต์ ค่อนข้างยุ่งยาก ต้องเขียน Code เท่านั้น พอมาถึงตอนนี้ ยุคที่เทคโนโลยีต่างๆ ทันสมัยมากขึ้น ทำให้มีคนคิดค้นเครื่องมือการสร้างเว็บไซต์ มีทั้งแบบ CMS, แบบสำเร็จรูป แบบฟรีและเสียเงิน แต่วันนี้ผมจะมาแนะนำ 5 โปรแกรมเครื่องมือ สร้างเว็บไซต์ฟรี ที่สามารถทำได้ด้วยตัวเองง่ายๆ ด้วยเงิน 0 บาท
5 โปรแกรม สร้างเว็บไซต์ฟรี 2023
1. WordPress.com
WordPress.com เป็นระบบสร้างเว็บไซต์สำเร็จรูป ระบบหลังบ้านใช้งานง่าย และเป็นระบบที่คนส่วนใหญ่รู้จักอยู่แล้ว เพราะเว็บไซต์ทั่วโลกกว่า 43.2% สร้างด้วย WordPress *อ่านเพิ่มเติม สถิติ WordPress 2022
จุดเด่นของ WordPress คือ สามารถเปลี่ยนธีมได้อิสระ มีธีมฟรีให้เลือกใช้มากกว่าหมื่นธีม และมีปลั๊กอินฟรี ให้เลือกใช้มากกว่า 6หมื่นตัว ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์เกี่ยวกับอะไร ก็สามารถสร้างด้วย WordPress ได้สบายๆ
- WordPress.com : เป็นเว็บสำเร็จรูป ทั้งแบบฟรีและเสียเงิน
- WordPress.org : โหลดติดตั้งได้ฟรี ยืดหยุ่นสูง แต่ต้องจดโดเมนและโฮสติ้งด้วยตัวเอง
ปกติแล้วมักจะใช้ .org มากกว่าครับ เพราะปรับแต่งได้ยืดหยุ่น เหมาะสำหรับคนที่พื้นฐานแน่น แต่สามารถหาบริษัทรับทำเว็บด้วย WordPress ไม่ยากครับ ราคาไม่แพงนัก
หากเพื่อนๆ ต้องการอยากฝึกทำเว็บไซต์ด้วย WordPress.org ด้วยตัวเอง ผมมีสอนในเว็บไซต์ santumweb.com แบบฟรีๆ ทำตามได้เลยครับ
ในไทย WordPress.org ค่อนข้างได้รับความนิยมมากๆ เพราะเว็บที่ทำด้วย WordPress ส่วนใหญ่จะสวย รองรับมือถือ ง่ายต่อการทำ SEO บริษัทที่รับทำเว็บไซต์ ถ้าเป็นเว็บบริษัท เว็บข้อมูลไม่ซับซ้อน ก็มักจะใช้ WordPress นี้แหละ ใช้เวลาทำไม่นาน และใช้งบน้อย
Link : รายละเอียดเพิ่มเติมของ WordPress.com
ข้อดี
- ระบบหลังบ้านใช้งานง่าย ด้วยระบบ Page Builder แบบ Drag & Drop
- ใช้งานง่าย มือใหม่ใช้งานได้ไม่ยาก
- มี Plugin และ Theme มากมายให้เลือก
- ยืดหยุ่นสูง ทำเว็บไซต์ได้แทบทุกประเภท
- รองรับ Mobile Responsive 100%
- ง่ายต่อการทำ SEO
- คนใช้เยอะ หาคนปรึกษาได้ง่าย
- ไม่จำเป็นต้องรู้ Code
- มีระบบ Blog มาให้ในตัว
ข้อเสีย
- ตัวฟรี ทำปรับแต่งได้ไม่มาก
- ปลั๊กอินเยอะไป จะโหลดช้า
- WordPress, Plugin และ Theme ต้องอัพเดตบ่อย
2. Wix
Wix เป็น เครื่องมือสร้างเว็บไซต์สำเร็จรูป แนว Website Builder หรือ Drag & Drop ใช้งานง่าย ความยืดหยุ่นต่ำ เพราะทุกอย่างถูกเซ็ตไว้หมดแล้ว แต่สามารถเพิ่ม App ตามที่มีอยู่ใน AppMarket คงไม่ได้มีมากมายเหมือน Plugin WordPress โดยมี Theme ให้เราเลือกประมาณ 800+ ธีม
Link : รายละเอียดเพิ่มเติมของ Wix
ข้อดี
- เริ่มต้นได้ง่าย เหมาะสำหรับคนไม่มีพื้นฐาน
- ระบบแก้ไขหน้า หรือ Website Builder ใช้งานง่าย แบบ Drag & Drop
- สำรองข้อมูลอัตโนมัติ
- Support ลูกค้าได้ดี
ข้อเสีย
- ตัวเลือก App และ Theme ค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบกับ WordPress
- ส่วนตัวเคยใช้ รู้สึกได้ว่า ไม่ค่อยลื่นเท่าไหร่
- เมื่อเราเผยแพร่ไปแล้ว จะไม่สามารถเปลี่ยนธีมได้ นอกจากเริ่มจัดหน้าใหม่
- มีค่าใช้จ่ายสูง เมื่อต้องการเชื่อมต่อกับ Third party ต่างๆ
- ยืดหยุ่นไม่เท่า WordPress เหมาะสำหรับทำเว็บง่ายๆ
3. Godaddy
Godaddy เป็นที่รู้จักในนามผู้ให้บริการรับจด Domain และ Hosting ตอนนี้เปิดให้เราสามารถสร้างเว็บไซต์ฟรีได้ มีระบบ Website Builder เป็นของตัวเอง เป็นระบบที่เหมาะสำหรับเว็บพื้นฐานทั่วไป น่าตาน่าใช้ สามารถปรับแต่งให้รองรับมือถือได้
สำหรับแพคเกจฟรีก็เพียงพอสำหรับการสร้างเว็บไซต์ขั้นพื้นฐาน เลือกธีมได้ และสามารถสร้างเว็บไซต์ E-Commerce เชื่อม Paypal ในเวอร์ชั่นฟรีได้อีกด้วย
และยังสามารถทำโซเชียลมีเดียมาเก็ตติ้ง ติด Tracking code ต่างๆ ได้เลย
Link : รายละเอียดเพิ่มเติมของ Godaddy
ข้อดี
- UI ใช้งานง่าย ระบบจัดหน้าใช้งานง่าย
- ทำ Email Marketing และมีเครื่องมือตั้งค่า SEO
- มีระบบ Chatbot
- ไม่มีป้าย Banner โฆษณา
- เชื่อมต่อ Tracking Code ต่างๆ ได้สะดวก
ข้อเสีย
- มีข้อจำกัดในการปรับแต่ง Layout
4. Weebly
Weebly คือ เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ฟรี หรือ Website builder ทำให้การทำเว็บไซต์เป็นเรื่องง่าย ชื่อชั้นอาจจะไม่ได้คุ้นหูเหมือน WordPress, Wix, Godaddy เหมาะสำหรับมือใหม่มากๆ และมีข้อจำกัดหลายอย่างในแง่การจัดหน้าเว็บ Weebly ตอนนี้ดูแลโดยทีม Square ได้ข่าวล่าสุดเหมือนจะหยุดพัฒนาไปสักระยะแล้ว ตั้งแต่ 2018 ฟีเจอร์หลายอย่างล้าสมัยไปแล้ว
Link : รายละเอียดเพิ่มเติมของ Weebly
ข้อดี
- เหมาะสำหรับมือใหม่มากๆ
- มี App ให้เลือกใช้มากกว่า 375 ตัว
- ใช้งานง่าย
- ปรับแต่ง SEO ได้ง่าย
- สลับ Theme ได้ง่าย
ข้อเสีย
- ไม่มีภาษาไทย
- หยุดพัฒนาไปสักระยะแล้วตั้งแต่ 2018
- ระบบ Builder ยังมีข้อจำกัดหลายอย่าง
- ดีไซน์ค่อนข้างล้าสมัย ดูธรรมดาๆ
- การปรับแต่งในมือถือค่อนข้างลำบาก
5. สร้างเว็บไซต์ฟรี google site
Google site คือ เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ฟรีจาก Google เปิดตัวเมื่อ 28 กุมภาพันธ์ 2551 หรือ 14 ปีเข้าไปแล้วมี Template จัดเลย์เอาต์ได้เหมือนกับตัวอื่นๆ จุดเด่นคือ สามารถเชื่อมต่อแอพในเครือกูเกิลด้วยกัน เช่น Google เอกสาร, Maps, Photos, YouTube และอื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย
สามารถแก้ไขร่วมกันแบบเรียลไทม์ รวมถึงมีการเก็บประวัติการแก้ไข หรือ Version ที่สามารถกดย้อนกลับได้ทันที
Google Site ตัวล่าสุด เริ่มมี Content Blocks คล้ายๆ WordPress ให้เราเลือกใช้ได้ง่ายขึ้น แต่ไม่ได้มากมาย สามารถเชื่อมต่อ Google Analytics ได้เลย
Link : google sites
ข้อดี
- ใช้ได้ฟรี 100%
- รองรับได้ทั้งบนเดสก์ท็อปและมือถือ
- ถ้าต้องการใช้ Domain ของตัวเอง ก็สามารถจดกับ Google Domains ได้เลย
ข้อเสีย
- มีตัวเลือก Template น้อยมาก
- ฟีเจอร์ยังน้อย ทำได้แค่พื้นฐานมากๆ
สรุป
บทความนี้น่าจะมีประโยชน์สำหรับเพื่อนๆ หรือเจ้าของธุรกิจ ที่กำลังหาโปรแกรม สร้างเว็บไซต์ฟรี เลือกอันไหนดีให้เหมาะกับธุรกิจ ข้อดี-ข้อเสีย ของแต่ละเพลตฟอร์ม ผมคิดว่า 5 เพลตฟอร์มที่ผมยกตัวอย่าง สามารถสร้างเว็บไซต์ด้วยตัวเองได้ โดยไม่ต้องแตะโค้ดเลย
เหมาะสำหรับธุรกิจที่พึ่งเริ่มต้น หรือ มีงบน้อย ไม่อยากเสียค่าจ้างทำเว็บแพงๆ แต่ถ้าธุรกิจไหนที่พอมีงบ และหวังผลในระยะยาว ผมแนะนำให้จ้างมืออาชีพที่เชี่ยวชาญ WordPress ดีกว่าครับ เพราะว่าลึกๆ แล้วมันมีรายละเอียดที่ต้องทำอีกเยอะเลยครับ โดยเฉพาะการวางโครงสร้างให้รองรับ SEO
หากชอบบทความแนวนี้ สาระแบบนี้ ฝากกดไลค์ กดแชร์ด้วยคร้าบบ