WordPress เป็นระบบ CMS ยอดนิยมที่นักทำเว็บทั่วโลกใช้กัน ด้วยระบบที่ใช้งานง่าย รูปแบบธีมสวยงาม เป็นโอเพนซอร์ซ ที่ไม่มีข้อจำกัดในการนำไปใช้งาน มีความยืดหยุ่นสูง สามารถทำเว็บไซต์ธรรมดาๆ จนถึงสามารถทำเว็บไซต์ระดับ เอ็นเตอร์ไพรส์ แต่ส่วนนึงที่ทำให้ WordPress มีการใช้งานอย่างแพร่หลาย คือ Plugin WordPress ทำหน้าที่เหมือนเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน เราอยากใช้อะไร ก็ไปโหลดมาติดตั้ง
ปลั๊กอินนี้แหละที่ทำให้เว็บไซต์ มีความน่าสนใจมากขึ้น มีฟังก์ชันการใช้งานตามที่เราต้องการ เช่น ปลั๊กอินสำหรับตกแต่ง จัดหน้า จัดวาง Layout , ปลั๊กอินสำหรับทำเว็บไซต์ขายของ หรือ e-commerce , ปลั๊กอินสำหรับทำ SEO, ปลั๊กอินสร้างแบบฟอร์ม เป็นต้น
Plugin WordPress คืออะไร?
Plugin WordPress คือ ส่วนเสริมของ WordPress ที่สามารถทำให้เว็บไซต์ WordPress ธรรมดาๆ กลายเป็นเว็บที่ครบเครื่อง ทำงานได้ตามที่เราต้องการ มีตั้งแต่ปลั๊กอินพื้นฐานที่ต้องใช้ จนถึงปลั๊กอินเสริม ที่ทำงานเฉพาะด้าน ซึ่งในเว็บไซต์ wordpress.org มีปลั๊กอินให้เราใช้ฟรี มากถึง 59,563 ตัว มีทุกประเภทการใช้งาน
หากต้องการฟังก์ชันที่เจ๋งขึ้น ก็คงต้องซื้อปลั๊กอิน Premium แต่ถ้าหากต้องการปลั๊กอินเฉพาะเจาะจง หรือเฉพาะทาง ต้องเขียนปลั๊กอิน WordPress ขึ้นมาเอง หรือไม่ก็จ้างคนที่รับเขียนปลั๊กอิน WordPress
วิธีติดตั้ง/ถอน Plugin
วิธีติดตั้ง Plugin
- ล็อคอินเข้าสู่ระบบหลังบ้านของ WordPress แล้วไปที่เมนู Plugins แล้วคลิก Add New
- “ค้นหา Plugin” ที่มุมขวาสุด จะมีช่องให้เรากรอก Keyword หรือชื่อประเภทปลั๊กอินที่ต้องการ
- ถ้าเจอปลั๊กอินที่ต้องการแล้ว ให้คลิก “Install Now“
- คลิก “Active Plugin”
วิธีถอน Plugin
หากเราต้องการถอน Plugin เราต้องไปที่หน้าการจัดการปลั๊กอินที่ถูกติดตั้ง “Installed Plugins” ในหน้านี้ จะมีปลั๊กอินที่เราเคยติดตั้งทั้งหมด ทั้งที่เราใช้งานอยู่ และไม่ได้ใช้งาน หากต้องการถอนปลั๊กอินที่กำลังใช้งานอยู่ อันดับแรกต้อง Deactivate หรือ ปิดการใช้งานก่อน จากนั้นไปที่ปุ่ม Delete > กด OK
วิธี Update Plugin
เวลามีปลั๊กอินเวอร์ชั่นใหม่ออกมา จะมีระบบแจ้งเตือน แดงๆ และจะมีปุ่ม “update now” โผล่ให้เราเห็น วิธีอัพเดตง่ายๆ แค่คลิกปุ่มนี้ และรอจนกว่าจะสำเร็จ
สำคัญ! ก่อนที่จะ Update Plugin ควรสำรอง BackUP WordPress ก่อน เพราะปลั๊กอินบางตัว อัพเดตไปแล้ว อาจจะมีปัญหาาเกิดขึ้น เช่น ไม่เข้ากับ WordPress ที่ใช้อยู่
ทำไมต้องอัพเดต Plugin?
Security เวิร์ดเพรสเป็น CMS ยอดนิยมที่สุด แน่นอนมันอาจจะเป็นเป้าของนักทดสอบระบบ หรือแฮคเกอร์ อยากมาลองฝีไม้ลายมือ การที่ Plugin มีเวอร์ชั่นใหม่ออกมา หมายถึงการอัพเกรดเรื่องความปลอดภัย ให้แข็งแกร่งขึ้นด้วย หากไม่อัพเดตมานาน แล้วโดนแฮ็คขึ้นมา แน่นอนการจ้างคนมาแก้ไขย่อมแแพงกว่าอยู่แล้ว ฉะนั้นแนะนำ เมื่อมีเวอร์ชั่นใหม่ออกมา รีบอัพเดตซะ 83% ของเว็บไซต์ WordPress ที่โดนแฮก สาเหตุมาจากการไม่ Update Plugin
Fix bugs ไม่มีปลั๊กอินตัวใหนที่สมบูรณ์แบบ ย่อมมีบัค หรือมีปัญหาเล็กใหญ่ การอัพเดตแต่ละครั้ง มีการแก้ไขปัญหาเข้ามาด้วย
New features ปลั๊กอินที่มีคนโหลดใช้งานหลักแสนขึ้นไป ส่วนใหญ่มีการอัพเดตทุกเดือน ส่วนหนึ่งก็เพราะ ผู้พัฒนาได้มีการพัฒนาฟีเจอร์ หรือเพิ่มฟังก์ชันใหม่ๆ แม้กระทั่งแก้ไขฟีเจอร์เดิมให้ดีขึ้น
วิธีเลือก Plugin ฟรี เกรด A
WordPress มีปลั๊กอินฟรีราวๆ 54,870 ตัว ที่นักพัฒนาทั่วโลกทำขึ้นมา แต่ในจำนวนทั้งหมดนี้ ก็ใช่ว่าจะมีคุณภาพทั้งหมด มีทั้งปลั๊กอินยอดนิยม คุณภาพสูง ปลั๊กอินที่หยุดพัฒนามาหลายปี รวมถึงยังมีปลั๊กอินที่มีบัค หรือมีปัญหาอีกจำนวนมาก เพราะฉะนั้นไม่ควรติดตั้งปลั๊กอินสุ่มสี่สุ่มห้า ควรมีวิธีเลือกปลั๊กอินที่มีคุณภาพ หรือที่ได้รับการแนะนำเท่านั้น
วิธีเลือก Plugin ฟรี มีคุณภาพ
- เลือกปลั๊กอินที่มีฟังก์ชันการใช้งานที่ตรงกับความต้องการ
- Last Updated : ดูว่าอัพเดตครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ ไม่ควรเกิน 1 ปี
- Compatible up to : รองรับ WordPress เวอร์ชั่นล่าสุด หรือเทียบเท่าที่เรากำลังใช้
- Active Installations : จำนวนการติดตั้งของปลั๊กอิน ยิ่งมาก แสดงว่าเป็นปลั๊กอินที่มีคุณภาพแน่นอน
- Reviews : ดูคะแนนรีวิว มี 5 ดาวเยอะแค่ใหน และ คนอื่นกล่าวถึงอย่างไรบ้าง
ลองพิจารณาเลือกปลั๊กอินตามนี้ดูครับ โดยเแฉพาะ Last Update หากไม่ได้อัพเดตเกิน 1 ปีขึ้นไป นอกจากอาจจะมีปัญหาทำงานไม่เข้ากับธีม หรือปลั๊กอินอื่นๆ อาจจะเป็นช่องโหว่ของการแฮกก็ได้
วิธีเลือกซื้อ Plugin Pro มีคุณภาพ
“ของฟรีไม่มีในโลก” ปลั๊กอินฟรีก็สามารถใช้งานได้ดีในระดับนึง แต่หากเราต้องการใช้ฟีเจอร์เด็ดๆ มักจะหาไม่ค่อยเจอในปลั๊กอินตัวฟรี อาจจะเป็นเพราะความยากในการพัฒนาปลั๊กอิน ใช้คนจำนวนมาก ทำให้ผู้พัฒนาจำเป็นต้องมีรายได้ แต่ปลั๊กอินที่เราต้องเสียตังค์ซื้อเอง ก็ใช่ว่าจะมีคุณภาพเสมอไป หากเราไม่เลือกดีๆ ก็อาจจะได้ปลั๊กอินที่มีบัคก็ได้
codecanyon.net เป็นเว็บไซต์แหล่งรวมปลั๊กอิน ซอร์สโค้ดต่างๆ ลองพิจารณาเลือกซื้อปลั๊กอินดังนี้ครับ
- Sales : ดูปลั๊กอินที่มียอดขายเยอะๆ
- Rated : เลือกดูที่มีเรทรีวิว 5 ดาวเยอะๆ
- Last updated : ดูว่าอัพเดตครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ ไม่ควรเกิน 1 ปี
- หาอ่านรีวิวตามเว็บไซต์ต่างๆ ในยูทูป หรือใน facebook ว่าเค้าใช้แล้วดีหรือไม่ดี มีปัญหาอะไรกันบ้าง
แนะนำ Plugin WordPress ที่ควรติดตั้ง
1. Yoast SEO
เป็นปลั๊กอินช่วยในการทำ SEO (Search engine optimization) ทำให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับบนกูเกิลได้ง่ายขึ้น เป็นปลั๊กอินสำหรับทำ SEO ที่ดีที่สุด เท่าที่เคยใช้มา แม่กระทั้งเวอร์ชั่นฟรี ก็มีฟีเจอร์เด็ดๆ ให้เราได้ใช้กัน ปลั๊กอิน Yoast SEO ทำให้คนที่เขียนโค้ดไม่เป็น สามารถทำ SEO ได้ง่ายๆ และผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ที่ใช้ WordPress มักจะเริ่มต้นทำ SEO ด้วยปลั๊กอินตัวนี้กัน
ผมใช้ปลั๊กอิน Yoast นี้แหละในการทำ SEO Onpage บน WordPress หากใครยังไม่รู้ว่าการทำ SEO Onpage คืออะไร ทำอย่างไรบ้าง ลองไปอ่านบทควาทที่ผมเคยเขียนเมื่อไม่นานมานี้ และตอนนี้ก็ติดอันดับ TOP 3 แล้วด้วยนะ
ปลั๊กอิน Yoast SEO สามารถทำอะไรบ้าง?
- ใส่ Focus keyphrase หรือ Keyword หลัก
- เขียน SEO title
- เขียน Meta description
- SEO analysis ช่วยวิเคราะห์ว่า เราควรปรับอะไรบ้าง หากเราทำถูกหลักการ SEO มันก็จะขึ้นไฟเขียว หากทำไม่ถูกหลัก จะขึ้นแดงๆ ซึ่งเป็นฟีเจอร์เด็ดที่ผมโคตรชอบ และดีสำหรับมือใหม่มากๆ
- ตั้งค่า Social share
- Sitemap สำหรับอัพโหลดไปที่ Google Web master tools
- Robots.txt
- Breadcrumbs
2. All In One WP Security & Firewall
เป็นปลั๊กอินด้านความปลอดภัย ที่ใช้งานง่าย จริงๆ แล้วเวิร์ดเพรสเองก็เป็นเพลตฟอร์มที่มาตรฐานสูง มีความปลอดภัยในตัวอยู่แล้ว แต่การใช้ปลั๊กอินด้านความปลอดภัยเสริมเข้ามา ช่วยยกระดับให้เว็บไซต์เราปลอดภัยยิ่งขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงที่จะโดนแฮกให้น้อยลง ปลั๊กอิน All In One WP Security & Firewall ค่อนข้างมีฟีเจอร์ที่ครบเครื่อง จบในตัวเดียวจริงๆ
ด้วยปลั๊กอินที่มีฟีเจอร์เยอะ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เว็บไซต์โหลดช้าแต่อย่างใด และที่สำคัญ ใช้งานได้ฟรี 100%ดาว์นโหลด
3. ปลั๊กอิน Page Builder
ปลั๊กอิน Page Builder เป็นตัวจัดหน้าเว็บ จัดวาง Layout ได้อย่างอิสระและสวยงาม ได้ด้วยการ Drag & Drop คือลากๆ วางๆ ก็ได้หน้าเพจสวยได้ ซึ่งมันก็มีหลายตัวเลือกให้เราใช้ มีทั้งแบบฟรีและเสียเงินซื้อ การใช้งานก็แตกต่างกันในเรื่องการตั้งค่า แต่โดยปกติถ้าสามารถใช้งานได้ตัวนึง ก็สามารถใช้ตัวอื่นได้ไม่ยากมาก
Page Builder ยอดนิยม
4. WooCommerce
WooCommerce เป็นปลั๊กอินสำหรับทำเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ สามารถเปลี่ยนเว็บไซต์ธรรมดาของคุณ ให้เป็นเว็บไซต์ e-commerce ได้ง่ายๆ การใช้งานไม่ยากมาก เหมาะสำหรับร้านค้าขนาดเล็ก จนถึงขนาดกลาง สินค้าตั้งแต่ 1 ชิ้น จนถึงหลักพัน ถ้ามากกว่านั้นผมแนะนำ เตรียมงบพัฒนาขึ้นมาเองจะดีกว่าดาว์นโหลด
5. ปลั๊กอิน Slider
เว็บไซต์ในไทยและต่างประเทศ ค่อนข้างนิยมใส่ Slider ในหน้าแรกกัน เพราะเป็นตำแหน่งที่เด่นที่สุด เหมาะสำหรับการนำเสนอสินค้าใหม่ โปรโมชั่น ข้อดีคือสามารถใส่ได้ไม่จำกัด แต่แนะนำไม่ควรเกิน 5 Slide ถ้าเกินกว่านี้ จะกระทบกับ Speed ของเว็บไซต์ทำให้ช้าดาว์นโหลด Slider
6. WP Fastest Cache
เป็นปลั๊กอินสำหรับเก็บแคช เพื่อทำให้เว็บไซต์โหลดเร็วขึ้น เป็นปลั๊กอินอีกตัวที่สำคัญไม่แพ้กัน เพราะถ้าไม่ใช้ปลั๊กอินเก็บแคช ทำให้เว็บไซต์โหลดช้า ส่งผลต่อในเรื่อง SEO หรืออันดับของเว็บไซต์เราบน Google ด้วยนะ ใช้แล้วมีแต่ดีกับดีครับดาว์นโหลด
แหล่งขายปลั๊กอิน WordPress Premium
ปลั๊กอิน WordPress แบบฟรี ก็เพียงพอแล้วระดับนึง แต่หากต้องการฟีเจอร์ที่ทำอะไรได้มากกว่าเดิม อาจจะเป็นปลั๊กอินเฉพาะด้าน เช่น ปลั๊กอิน Slider, ปลั๊กอินจัดหน้า Page Builder, ปลั๊กอินตกแต่งเว็บอื่นๆ แต่นอกจากฟีเจอร์ที่ครอบจักรวาลแล้ว สิ่งที่ผมแนะนำให้ซื้อ ปลั๊กอิน WordPress Premium คือเรื่อง Support หากเราใช้ไปแล้วมีปัญหา หรือตั้งค่าไม่ถูก ก็สามารถส่งข้อความหาทีม Support ของปลั๊กอินที่เราซื้อได้
วิธีเลือกซื้อปลั๊กอิน WordPress Premium
- เลือกซื้อที่มียอดขายเยอะที่สุด เรียงลำดับ
- เลือกที่มียอด Reivew ตั้งแต่ 4.5 ดาวขึ้นไป
- Support ตอบไว
ซื้อปลั๊กอิน WordPress Premium
ท้ายที่สุด
ถึงตรงนี้แล้ว เพื่อนๆ น่าจะรู้และเข้าใจว่า Plugin WordPress คืออะไร สามารถทำอะไรได้บ้าง และ 6 ปลั๊กอินพื้นฐานยอดนิยม ที่คนทั่วโลกใช้กัน ลองไปปรับใช้ให้ถูกต้อง นำไปฝึกใช้จนคล่อง รับรองว่า คุณจะได้เว็บไซต์ WordPress สวยๆ และมีคุณภาพได้โดยไม่ต้องเขียนโค้ดเลย หากสงสัยหรืออยากได้คำแนะนำ ผมยินดีให้คำตอบครับ