11 เหตุผล! ทำไมต้องมีเว็บไซต์ เป็นคำถามระดับตำนานทีเดียว ซึ่งสามารถตอบได้หลากหลายแง่มุมมาก เนื่องจากปัจจุบันเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตไปไกลมาก ผู้คนมากมายต่างเข้าสู่เว็บไซต์เพื่อหาคำตอบบางอย่างที่ต้องการ
ซึ่งจากอดีตเวลาเราจะซื้อของอะไรบางอย่าง การทำงานเป็นแบบนี้ : อยากซื้อของ –> ไปที่ร้านซิ : แต่ในปัจจุบันโลกมันเปลี่ยนไปแล้วครับ การทำงานรูปแบบใหม่เป็นแบบนี้ : อยากซื้อของ –> ค้นหาซิ(เฟสบุ๊ค,google) –> สั่งซื้อ( เว็บขายของออนไลน์, ไปที่ร้าน) :
สมัยก่อน การจะมีเว็บไซต์สักเว็บ ต้องใช้งบหลักแสน ซึ่งคุณภาพที่ได้ไม่ได้ดีมาก แต่ตอนนี้มีงบหลักพัน จนถึงหลักหมื่น ก็จ้างทำเว็บไซต์บริษัทได้แล้ว เพราะมีหลายตัวเลือก ขึ้นอยู่กับงบประมาณของท่านเอง เช่น หากมีงบสัก 50,000+ ก็ควรจ้างบริษัท หากมีงบ 10,000+ ก็ควรจ้างฟรีแลนซ์ ซึ่งคุณภาพขึ้นอยู่กับประสบการณ์ และขนาดทีมของผู้รับทำเว็บไซต์ แนะนำว่าให้พิจารณาดูที่ผลงาน ก่อนที่จะตัดสินใจจ้างทำเว็บไซต์บริษัท
หากงบน้อยจริงๆ อยากเริ่มทำเว็บไซต์ด้วยเองที่บ้าน แนะนำให้ไปศึกษา การทำเว็บไซต์ด้วย WordPress
อ่านเพิ่มเติม : จ้างทำเว็บไซต์ ต้องเตรียมข้อมูลอะไรบ้าง ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่
ธุรกิจร้านค้าที่มีเว็บไซต์อยู่แล้ว ได้เปรียบกว่าคู่แข่ง นอกจากเป็นหน้าเป็นตาให้กับบริษัทแล้ว ยังช่วยหากลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ให้กับบริษัท
จะเห็นได้ว่าพฤติกรรมการซื้อขายของผู้คนเปลี่ยนไป กลุ่มธุรกิจร้านค้าก็จำเป็นต้องเปลี่ยนตาม ในบทความนี้ผมจะมาบอกเหตุผล 11 ข้อ ว่า “ทำไมต้องมีเว็บไซต์”
0 – มีเว็บไซต์ เท่ากับเรามี “Data” อยู่ในมือ
Data คือ ข้อมูลที่เก็บผ่านเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย การเก็บผ่านแบบฟอร์มต่างๆ ซึ่งอาจจะเป็นข้อมูลการซื้อสินค้าผ่านหน้าเว็บไซต์ของเรา ข้อมูลพฤติกรรม ความสนใจ อายุ/เพศ สินค้ายอดนิยม ภูมิศาสตร์ เทคโนโลยี ข้อมูลเหล่านี้เราสามารถนำไปต่อยอดทำการตลาดออนไลน์ได้
เมื่อเรามีข้อมูลของกลุ่มลูกค้า และเข้าใจกลุ่มเป้าหมายของเรา หมายความว่าเราสามารถ นำเสนอสินค้าที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ช่วยเพิ่มโอกาสในการปิดการขายได้มากขึ้น
เครื่องมือการเก็บข้อมูลสำหรับเว็บไซต์ ช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูล ที่นิยมใช้กัน คือ Google Analytics เป็นเครื่องมือที่เก็บข้อมูลได้ละเอียดมากๆ สามารถใช้งานได้ฟรี
อย่างน้อยๆ การที่เรามี Data ของกลุ่มเป้าหมายของเรา ทำให้เรารู้ว่า พวกเค้าสนใจอะไรบ้าง สินค้าหรือบริการอะไรของเรา ที่ลูกค้ามักจะถามหาบ่อยๆ สามารถเอาข้อมูลสำคัญตรงนี้ มาวิเคราะห์ต่อว่า สินค้าตัวไหนที่เราควรเน้น และควรสต็อคของเก็บไว้
1 – โบรชัวร์ออนไลน์
เว็บไซต์เปรียบเสมือน Company Profile หรือโบรชัวร์ ในรูปแบบออนไลน์ ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้ตลอดเวลา
บริษัทหลายๆ บริษัทได้ผลิตโบรชัวร์ และนำโบรชัวร์เหล่านั้นไปแจกจ่ายให้กับลูกค้า ต้องเสียค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ต่อปี?
ถ้ามีเว็บไซต์ เราสามารถข้ามขั้นตอนแจกโบรชัวร์เหล่านั้นไปเลย จะดีไหมถ้าลูกค้าสามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทคุณผ่านเว็บไซต์หรือออนไลน์? โบรชัวร์ออนไลน์ผลิตครั้งเดียว ใช้ได้ตลอดเวลา ไม่เว้นวันหยุด จะดีไหม ถ้าเราเอางบที่ผลิตโบรชัวร์กระกาษ มาทำเป็นโบรชัวร์ออนไลน์ หรือเว็บไซต์?
ข้อดีของการทำ Company Profile ในรูปแบบเว็บไซต์
- ออกแบบครั้งเดียว ใช้ได้ตลอด ต่างกับแบบ Offline ทำครั้งเดียว ใช้ได้ครั้งเดียว
- ยืดหยุ่น! กรณีที่ต้องการปรับปรุง
- เผยแพร่แล้ว มีคนเห็นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หากทำ SEO ดีๆ
- สามารถทำ Online Marketing ไปพร้อมๆ กันได้
2 – โลกอินเตอร์เน็ตมีลูกค้าเกลื่อน?
รู้หรือไม่? ปัจจุบันผู้คนมากกว่า 2.4 พันล้านคน ใช้อินเตอร์เน็ตทุกวัน และ 90% ของผู้คนเหล่านั้นได้ซื้อสินค้าผ่านอินเตอร์เน็ต หรืออย่างน้อยๆ ได้ติดต่อบริษัทที่ขายสินค้า เว็บไซต์ออนไลน์ 25 ชม. 7 วัน/สัปดาห์ 12 เดือน/ปี เป็นอย่างน้อย ถ้าหากเรา ไม่มีเว็บไซต์ เรา…จะเสียลูกค้าเหล่านั้น
ตลาดออนไลน์ เหมือนกับ “มหาสมุทร” ไม่มีลิมิตของตลาดที่ชัดเจน หากใครทำเว็บไซต์ ทำการตลาดออนไลน์เก่งกว่า ก็ย่อมได้เปรียบ
ปัจจุบัน หลายๆ ธุรกิจเริ่มถูก Distrup โดยตลาดออนไลน์ เพราะด้วยพฤติกรรมของคนยุคมือถือ มันเปลี่ยนไป
เรามักจะเปิดเน็ตเพื่อหาข้อมูล เปรียบเทียบราคา อ่านรีวิว ก่อนที่จะสั่งหรือเข้ามายังหน้าร้าน
หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจ แล้วยังไม่ได้ขยับมาชิงตลาดออนไลน์ นับตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป คงจะเหนื่อยขึ้นเรื่อยๆ ในการต้อนลูกค้าเข้ามายังหน้าร้าน
3 – มูลค่าทางธุรกิจ
คุณเคยไปกู้เงินไหม? ม้นไม่ง่ายใช่ไหมล่ะ ส่วนใหญ่เลย ธนาคารจะถามว่า มีเว็บไซต์บริษัทไหมคะ? ไม่ใช่แค่ธนาคาร บ่อยครั้งที่คุณไปพบลูกค้า ส่วนใหญ่เลยแหละ ลูกค้าจะถามว่า มีเว็บไซต์บริษัทไหมคะ? เพียงเท่านี้เราจะรู้ได้แล้วว่าเว็บไซต์มันสำคัญไฉน และมีมูลค่าทางธุรกิจเป็นอย่างมาก
เว็บไซต์ ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ และช่วยกำหนดทิศทางของธุรกิจ ยิ่งเป็นเว็บไซต์ e-commerce แล้วมีกลยุทธ์การเก็บ Data ของลูกค้าเป็นอย่างดี ยิ่งมีมากขึ้น มันก็จะกลายเป็นขุมทรัพย์ทางธุรกิจ ที่ช่วยเราได้ในหลายๆ ด้าน
4 – มีอิทธิพลในโลกออนไลน์
ถ้าบริษัทมีเว็บไซต์ นั้นก็แปลว่าเรากำลังจะเข้าถึงผู้คนหรือลูกค้าเป็นหมื่น เป็นแสนคนที่อาจจะเกิดขึ้น ที่กำลังจะเข้ามาดูเว็บไซต์ หรือบริการของเรา นั้นก็แปลว่าเว็บไซต์ของเรากำลังจะมีผลต่อการตัดสินใจซื้อหรือ เพิ่มยอดขายให้กับบริษัทของเรา
แต่เว็บไซต์ต้องมีความน่าเชื่อถือ สวยงาม รองรับมือถือ และมีการทำการตลาดออนไลน์ทุกขั้นตอน
5 – ได้เวลาเปิดเผยธุรกิจให้โลกรู้ละ!
มันเป็นความรู้สึกที่เลิศหรือยอดเยี่ยมใหมละ ถ้าผู้คนรู้ถึงการทำงานของคุณ รู้บริการของคุณ รู้ว่าคุณทำอะไรได้บ้าง การมีเว็บไซต์ เป็นส่วนหนึ่งที่จะเปิดเผยธุรกิจของคุณ ออกสู่สายตาผู้คน ทำให้ผู้คนเหล่านี้รู้ได้ว่า คุณทำอะไร?
6 – ช่วยบรรลุเป้าหมายของธุรกิจ
ถ้าเรามีเว็บไซต์ เราสามารถรับรู้ได้เลยว่า กลุ่มลูกค้าที่เข้ามาชมเว็บไซต์เรา ช่วงอายุเท่าไหร่ ชอบอะไร เข้าชมหน้าเพจใหนมากที่สุด เข้าจากมือถือหรือคอมฯ จากเมืองใหน ประเทศใหน ซึ่งปัจจุบันสามารถใช้ Google analytics ในการตอบคำถามเหล่านี้ได้ สามารถรู้ได้ว่าเป้าหมายถึงที่เราตั้ง ตรงกับความต้องการของลูกค้าหรือไม่
หากเราวางแผนการทำ Online Marketing ดีๆ ทำให้เว็บไซต์ติดหน้า 1 ของ Google ก็ช่วยเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ๆ บางธุรกิจที่เคยมาปรึกษาผม อาศัยการทำ Online Marketing อย่างเดียว และช่วยให้ธุรกิจเติบโตแบบก้าวกระโดด
7 – เปิดตลอด 24 ชั่วโมงต่อวัน
เว็บไซต์สามารถทำงานได้ตลอดเวลาทุกวันไม่เว้นวันหยุด ไม่จำเป็นต้องมีคนมาเฝ้าหน้าจอ เฝ้าร้านตลอดเวลา ซึ่งทำงานลูกค้าทั่วทุกมุมโลกสามารถเข้าถึงธุรกิจบริการของคุณได้ตลอดเวลา
8- สื่อสารกับลูกค้า
แค่คุณมีเว็บไซต์หรือ มีบล็อคในเว็บไซต์ ก็สามารถอัพเดตข้อมูลข่าวสารใหม่ๆ ให้ลูกค้าทราบได้ตลอดเวลา สามารถเสนอโปรโมชั่นใหม่ๆ ข้อเสนอใหม่ๆ สินค้าใหม่ๆ ให้ลูกค้าทราบ โดยไม่จำเป็นต้องออกบู๊ต
9 – การตลาด
อินเตอร์เน็ต ได้เปิดการตลาดแนวใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน การทำเว็บไซต์ ช่วยให้ดึงดูดกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ด้วยงบการตลาดที่ต่ำมากๆ ปัจจุับเรายังสามารถใช้โซเซียลมีเดียอย่าง facebook ช่วยเรื่องการตลาดที่มีประสิทธิภาพทีเดียว
10 – บริการให้กับลูกค้า(Support)
คุณสามารถลดงบประมาณในการ support ได้อย่างมหาศาล แค่คุณทำเว็บไซต์ของธุรกิจของคุณ แล้วเปิดให้ลูกค้าได้เข้ามาตั้งคำถามที่สังสัย หรือมารีวิวสินค้าของคุณ โดยตรงผ่านเว็บไซต์
11 – สามารถมีอีเมลประจำเว็บไซต์
อีเมลประจำเว็บไซต์เป็นยังไง? เช่นผมมีเว็บ www.teeneeweb.com ผมสามารถสร้างอีเมลเป็น info@teeneeweb.com ได้ ฉะนั้นรูปแบบอีเมลแบบนี้มันช่วยให้ธุรกิจของเราดูมีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น
อัพเดต ปี 2020
สำหรับต้นปี 20 นี้ โลกเราเผชิญกับวิกฤต สำคัญๆ หลายเรื่องเลย เช่น ไฟป่า, ฝุ่น PM 2.5 และล่าสุดนี้ โรคระบาด COVID-19 ซึ่งรายแรงขั้นสุด ทั่วโลกทยอยปิดเมืองกันหมด ส่งผลให้เกิดการทำงานที่บ้าน หรือ Work From Home
หลายๆ โรงงาน โรงแรม และบริษัทต่างๆ ต้องปิดตัวลง เพราะยอดออเดอร์ต่ำสุดอย่างไม่เคยเกิดขึ้น
การที่ทุกคนอยู่กับบ้าน ออกไปไหนไม่ได้ ทำให้เกิดการซื้อขายผ่านออนไลน์เพิ่มขึ้น การมีเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ สามารถช่วยให้ธุรกิจเพิ่มช่องทางรายได้ และรอดจากวิกฤตนี้ได้
สรุป
หากธุรกิจของท่านมีเว็บไซต์เรียบร้อยแล้ว อย่าพึ่งคิดว่า จะประสบความสำเร็จเสมอไป มีเว็บไซต์แล้ว เหมือนพึ่งผ่านด่านแรกเท่านั้นเอง ด่านต่อไปคือ จะทำอย่างไรให้ลูกค้าเจอเว็บไซต์เรา หรือติดหน้าแรกของ Google นั้นเอง ซึ่งเป็นคำถามง่ายๆ แต่กว่าจะติดหน้าแรก ก็ต้องไปเรียนอีกศาสตร์นึงทีเดียว เรียกว่า การทำ SEO
ซึ่งเจ้า SEO เนี่ย มันก็กว้างและลึกมากอีก ที่เราต้องรู้ ไม่แปลกที่มีบริษัทที่รับทำ SEO โดยเฉพาะเกิดขึ้น และมันยังเป็นส่วนนึงของการทำการตลาดออนไลน์ หรือ Online Marketing
ถ้าหากอยากทำให้เว็บไซต์ติดหน้าแรก Google ถูกค้นเจอได้ง่ายขึ้น ใน Keyword ที่ต้องการ ช่วงเริ่มต้น ผมแนะนำให้ลองศึกษาด้วยตัวเองก่อน โดยเริ่มที่การทำ SEO Onpage ซึ่งเป็นการปรับแต่งหน้าเว็บแต่ละหน้า ให้มีโครงสร้างถูกต้องตามหลัก SEO ในแบบที่กูเกิลชอบ
โดยเฉพาะธุรกิจประเภทขายของ ปลีก-ส่ง ควรมีเว็บไซต์ของตัวเอง จะขายแบบออฟไลน์แบบหน้าร้านเหมือนเดิม อาจจะเสี่ยงมาก ธุรกิจต้องปรับตัว เพื่อรับตลาด e-commerce โตต่อเนื่อง
Comments are closed.